#ผู้เข้าไปหาไม่หลุดพ้น
เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
ก็คือ สิ่งที่เรียกว่า "ตัณหา"
เกิดความดิ้นรนกระวนกระวาย
...ความทะยานอยาก
"กามตัณหา"
ความทะยานอยากในกามคุณอารมณ์
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
ที่น่าใคร่ น่าปรารถนาต่าง ๆ
#อะไรที่ชอบใจ
เราก็พยายามดึงเข้า
อยากได้ เอาเข้าตัวรักษาไว้
เกิดการหวงแหน เกิดการดึงรั้ง
พอสิ่งเหล่านั้นสลายไป
ก็เกิดความกระวนกระวาย
#อะไรที่เราไม่ชอบใจ
ขัดเคืองใจ ก็พยายามผลักออก
แต่เมื่อสิ่งนั้นไม่เป็นไปตามใจของเรา
ยังดำรงอยู่ตามวาระ
เราก็เกิดความขัดเคือง
เกิดความดิ้นรนกระวนกระวาย
เรียกว่า #เกิดตัณหา
"ภวตัณหา"
ความทะยานในความมีความเป็น
อะไรที่ชอบใจก็พยายาม
อยากมี อยากเป็น รักษาไว้
ตั้งแต่ระดับกายภาพต่าง ๆ หยาบ ๆ
จนเข้าถึงของละเอียด
ระดับสภาวธรรมในทุก ๆ ระดับก็ตาม
บางทีเราปฏิบัติแล้วมันเบา
มันนิ่ง มันสงบ ดีจังเลย
กายภาพ.. ทุกอย่างมันมีรสอร่อย
อาหารต่าง ๆ ที่เราชอบใจ
มันมีรสอร่อย ทำให้เราติดใจ
#แม้กระทั่งสภาวธรรมที่ละเอียด
ก็ทำให้เกิดความติดใจเช่นกัน
บางทีเคยปฏิบัติไปแล้ว
เข้าสภาวะละเอียดลึกซึ้งสงบ
มันตรึงตาตรึงใจมากทีเดียว
แม้เวลาผ่านไป 20 - 30 ปี
ก็ยังติดใจตรึงตาตรึงใจอยู่
ติดใจยิ่งกว่าของหยาบ ๆ
กับของโลก ๆ อีกต่างหาก
#พอเราติดใจทีนี้เราก็พุ่งทะยานแล้ว
อยากได้อยากเข้าถึง
พอเข้าไม่ได้ก็หงุดหงิด
เพราะฉะนั้น...
สิ่งที่เราควรทำความเข้าใจ
ก็คือ การที่จะหลุดจากกองทุกข์
ก็คือ "การละตัณหา" นั่นเอง
"วิภวตัณหา"
บางครั้งปฏิบัติเจอสภาวะที่ไม่ดี
มันร้อนมันอัดแน่น ก็พยายามจะผลักออก
เกิดความดิ้นรนกระวนกระวายขึ้นมา
ก็คือเอามือไปกวนน้ำนั่นเอง
พระพุทธเจ้าสอนว่า..ให้ละตัณหา
#ละความดิ้นรนกระวนกระวาย ความพุ่งทะยาน
ลดการดึงเข้า และการผลักออก
จึงจะสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นจากทุกข์
คือ"นิโรธ" คืนสู่ความเป็นกลางนั่นเอง
... รู้ทุกข์
... ละเหตุ ที่ทำให้เกิดทุกข์
... จึงจะเข้าถึง ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
... แล้วก็ดำเนินหนทาง
ไปสู่ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อย่างนี้เรื่อยไป
เพราะฉะนั้น...
#ทำความเข้าใจว่ามันไม่ได้เหมือนกายภาพ
ที่เราจะต้องมุ่งมั่นตั้งใจ
ไปถึงจุดหมายปลายทาง
...อยากพ้นทุกข์
ก็มุ่งไปที่จุดหมายปลายทางพ้นทุกข์
ด้วยความดิ้นรนกระวนกระวาย
ปฏิบัติเพื่อความพุ่งทะยาน
ก็เป็นการปฏิบัติด้วยตัณหา
แต่ถ้าเราทำความเข้าใจ
มันไม่ได้เหมือนกายภาพ
การจะหลุดจากวังวนก็คือ ละตัณหา
ละความดิ้นรนกระวนกระวาย
ก็คือ #ใจที่เป็นกลาง นั่นเอง
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"...ผู้เข้าไปหาไม่หลุดพ้น
#ไม่เข้าไปหาจึงหลุดพ้น..."
แค่รู้ แค่รู้สึก
สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่ารู้สึก
ไม่ติดข้องอยู่
ไม่ยึดถืออะไรๆ ทั้งปวงในโลกด้วย
เพราะฉะนั้น...
การศึกษาปฏิบัติธรรม
ตั้งแต่ระดับเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด
เป็นวิถีของความเป็นกลาง
ตั้งแต่ระดับพื้นฐานการใช้ชีวิต
ก็สามารถนำธรรมทั้ง 7 ประการ
มาเป็นหลักของใจ
เป็นหลักในการดำเนินชีวิต
นั่นก็คือ #วิถีที่จะคืนสู่ความเป็นกลาง นั่นเอง
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2565